RSS

Root of Gothic

05 ม.ค.

Root of Gothic

 

คำว่า " Gothic" หมายถึงพวกโกธซึ่งเป็นชนเผ่าเยอรมนิกเผ่าหนึ่งที่เรียกตนเองว่า Visigoths ซึ่งหมกหมุ่นอยู่กับการเข่นฆ่าและกระทำชำเรา จนกลายเป็นที่รังเกียจจากกลุ่มอื่นๆที่ยกตัวเองเป็นผู้ที่เจริญแล้วทั้งหลาย ลำคำว่าvisigoths นี้กลายเป็นคำเหยียดหยามที่หมายถึงพวกป่าเถื่อน ไร้อนารยธรรม และการศึกษา

ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ในสมัยกลางหรือมัธยมสมัย ( Middle Ages) คือระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๕ อันเป็นช่วงเวลาที่มีคติความเชื่อเรื่องอัศวิน (chivalry) และลัทธิศักดินา (feudalism) ซึ่งกษัตริย์และอัศวินนักรบจะต้องพึ่งพาและมีศรัทธาในกันและกัน ชนเผ่าโกธสามารถสร้างอารยธรรมของตนขึ้นมาได้โดยไม่นำพาอารยธรรมของกรีกโรมันซึ่งมีอิทธิพลสูงมายาวนาน สิ่งยืนยันความเจริญทางศิลปวิทยาการของชนเผ่านี้ คือสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือมีซุ้มประตูโค้ง (arch) และหลังคาโค้งยอดแหลม (vault) เช่น มหาวิหาร Notre-Dame เป็นต้น

ช่วงยุค Victorian เป็นช่วงยุคที่Gothic เข้ามาสู่แวดวงวรรณกรรม โดยเป็นนวนิยาย นวนิยายประเภทนี้จึงนิยมกล่าวถึงเรื่องราวของอัศวินและใช้ฉากของสถาปัตยกรรมแบบ กอธิค คือปราสาทใหญ่โต มืดทึม ลึกลับ มีห้องใต้ดิน ประตูลับ และภูติผีปีศาจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องสยองขวัญ มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ (supernatural) และรวมทั้งเรื่องสติวิปลาส จุดประสงค์ของนวนิยายแบบนี้ คือสร้างความน่าสะพึงกลัว ด้วยการเอาเรื่องสยดสยอง โหดเหี้ยม และลี้ลับมานำเสนอ แม้ในระยะหลังนวนิยายประเภทนี้จะไม่ได้ใช้ฉากและบรรยากาศของสมัยกลางแล้ว แต่ยังคงรักษาความสยองขวัญและลี้ลับเอาไว้ ตัวอย่างของนวนิยายแบบกอธิคเรื่อง เด่น ๆ ของตะวันตก ได้แก่ Castle of Otranto : A Gothic Story ของ Horace Walpole ( ค.ศ. 1764) Vathek ของ William Backford ( ค.ศ.1786) The Mysteries of Udolpho ของ Ann Radcliffe ( ค.ศ.1794) และเรื่อง Frankenstien ของ Mary Shelley ( ค.ศ.1817) รวมทั้งเรื่อง Dracula ของ Bram Stoker นวนิยายยุคศตวรรษที่20 ที่จัดว่าเป็นนวนิยายแบบโกธิค ก็ได้แก่ผลงานของ Edgar Allen Poe , William Flaukner, Truman Capote เป็นต้น

 
ใส่ความเห็น

Posted by บน มกราคม 5, 2008 นิ้ว History

 

ใส่ความเห็น